หนุ่มใหญ่เซ็ง โอนเงินผ่านอินเทอร์เน็ตแบงก์กิ้ง แต่เงินกลับไม่เข้าบัญชีตัวเอง แถมถูกมือดีกดเงิน 1 หมื่นบาท ซ้ำถูกธนาคารปฏิเสธใช้คืน จากกรณีที่โลกออนไลน์แห่แชร์เรื่องราวจากผู้ใช้เฟซบุ๊ก Kanching Devahastin Na Ayudhaya ที่ออกมาโพสต์ว่าเงินจำนวน 10,000 บาท หายไปจากบัญชีทั้งที่ตัวเองนั้นไม่ได้เป็นคนเบิก อีกทั้งบัตร ATM ก็ไม่ได้หาย แต่ธนาคารกลับไม่คืนเงินให้นั้น
ล่าสุด (19 มกราคม 2561) นายกัณชิง เทพหัสดิน ณ อยุธยา อาชีพเจ้าของธุรกิจส่วนตัว เจ้าของโพสต์ดังกล่าว ได้เปิดเผยกับทางเดลินิวส์ออนไลน์ ว่า เมื่อวันที่ 25 ธันวาคม 2560 เวลาประมาณ 07.11 น. ขณะที่ตนอยู่บ้านได้โอนเงินผ่าน อินเทอร์เน็ตแบงก์กิ้งจากธนาคารหนึ่งไปที่บัญชีตัวเองอีกธนาคารหนึ่ง 10,000 บาท แต่ปรากฏว่าเมื่อไปกดเงินที่ตู้ ATM พร้อมเช็กเงินผ่านเว็บไซต์ของธนาคารที่โอน เงินกลับหายไปโดยที่ตนไม่ได้เบิก และบัตรเอทีเอ็มก็ยังอยู่ที่ตัว ตนจึงโทร. สอบถามกับคอลเซ็นเตอร์เพื่อตรวจสอบพร้อมอายัติทันที ซึ่งวันต่อมาธนาคารแจ้งว่าเงินของตนถูกกดออกจากตู้ ATM ของธนาคารอีกแห่งซึ่งตั้งอยู่หน้าร้านสะดวกซื้อ หน้าหมู่บ้านเอื้ออาทร ซอยกันตนา จ.นนทบุรี ตนจึงเดินทางไปที่ดังกล่าว ซึ่งเป็นที่ที่ตนเพิ่งจะกดเงินที่ตู้ดังกล่าวในช่วงเช้าก่อนเกิดเรื่องประมาณ 7-10 วัน ตอนนั้นก็สังเกตรอบ ๆ ตู้ว่ามีสิ่งผิดปกติหรือไม่แต่ก็ไม่พบ จากนั้นก็ไปแจ้งความที่ สภ.บางแม่นาง พร้อมกับส่งเอกสารการแจ้งความไปให้ธนาคาร โดยที่ธนาคารแจ้งว่าจะส่งไปยังหน่วยงานเฉพาะที่ทำงานด้านการฉ้อโกง โดยจะเป็นการทำงานร่วมกันระหว่างธนาคารเจ้าของบัญชี ธนาคารเจ้าของเครื่องเอทีเอ็มและเจ้าหน้าที่ตำรวจ โดยใช้เวลาดำเนินการ 2 สัปดาห์
แต่ธนาคารกลับไม่ติดต่อกลับมา ตนต้องโทร. ไปถามตลอดซึ่งเจ้าหน้าที่ก็บอกแต่ว่ากำลังดำเนินการ แถมยังไม่สามารประสานให้ดูภาพจากกล้องวงจรปิดว่าใครมาลักลอบกดเงินได้ เมื่อตนโทร. ไปสอบถามกับทางธนาคารอีกครั้งก็ได้คำตอบว่า ทางธนาคารขอปฏิเสธการคืนเงินที่หายไปจากบัญชีของคุณ ตามที่ได้แจ้งความไว้ ซึ่งเป็นคำตอบที่ไม่คาดคิดและผิดหวังมาก ไม่คิดว่าเรื่องแบบนี้จะเกิดขึ้นกับตัวเอง ทั้งยังไม่มีใครช่วยเหลือทั้งที่ใช้บริการธนาคารนี้มาไม่ต่ำกว่า 15 ปี เจ้าหน้าที่ตำรวจยังให้คำแนะนำดีกว่าเสียอีก นายกัณชิง บอกด้วยว่า ที่โพสต์เรื่องราวลงบนเฟซบุ๊ก เพราะหวังว่าจะมีผู้มีประสบการณ์ให้คำแนะนำและเป็นอุทาหรณ์แก่คนอื่น ๆต่อไป และตอนนี้ไม่แน่ใจว่าหากฟ้องร้องจะได้รับการเยียวยาหรือไม่ ภาพจาก เฟซบุ๊ก Kanching Devahastin Na Ayudhaya อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก เดลินิวส์




ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น